
สำหรับใครที่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับการเสริมคางด้วยซิลิโคน คงจะเคยได้ยินคำถามมากมายเกี่ยวกับประเภทของซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมคาง ว่ามีอะไรบ้าง และแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจให้ค่ะ
ทำไมต้องเสริมคางด้วยซิลิโคน?
ความปลอดภัย: ซิลิโคนเกรดทางการแพทย์มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง
รูปทรงหลากหลาย: สามารถออกแบบให้มีรูปทรงได้ตามต้องการ เพื่อให้เข้ากับใบหน้าของแต่ละบุคคล
การผ่าตัดง่าย: การผ่าตัดด้วยซิลิโคนเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างง่าย และใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน
ซิลิโคนเสริมคาง มีกี่ประเภท?
แม้ว่าซิลิโคนจะดูเหมือนเป็นวัสดุที่เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้ว ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมคางนั้น มีความแตกต่างกันในเรื่องของ ความบริสุทธิ์ และ คุณสมบัติทางกายภาพ ซึ่งส่งผลต่อความคงทนและความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์
ซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ เป็นซิลิโคนที่มีความบริสุทธิ์สูงที่สุด ผ่านการผลิตและควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานสากล เหมาะสำหรับการนำมาใช้ในร่างกายมนุษย์ มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง และมีความคงทนสูง เป็นซิลิโคนชนิดที่ผ่านกระบวนการผลิตที่เข้มงวด วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตซิลิโคนเกรดทางการแพทย์จะต้องผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้ซิลิโคนที่มีความบริสุทธิ์สูงและปราศจากสารปนเปื้อน โดยทุกขั้นตอนของการผลิตจะถูกควบคุมภายใต้มาตรฐานที่เข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพตามที่กำหนด ซิลิโคนเกรดทางการแพทย์จะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น FDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) เพื่อยืนยันถึงความปลอดภัยและคุณภาพ
คุณสมบัติเด่นของซิลิโคนเกรดทางการแพทย์
ความบริสุทธิ์สูง: ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้หรือการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อ
ความคงทน: มีความแข็งแรง ทนทานต่อแรงกด และไม่เสื่อมสภาพง่าย
ความยืดหยุ่น: สามารถปรับรูปทรงได้ตามต้องการ
ความเข้ากันได้ทางชีวภาพ: ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย
ซิลิโคนเสริมคางแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
ซิลิโคนชนิดแข็ง (Hard Silicone)
ซิลิโคนชนิดนี้มีความแข็งแรงและคงรูปได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงของคางให้มีความชัดเจนและคมชัด
คุณสมบัติเด่นของซิลิโคนชนิดแข็ง
ความแข็งแรง: มีความแข็งแรงสูง ทำให้สามารถคงรูปทรงที่ต้องการได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการสร้างโครงสร้างที่ชัดเจน
ความคงรูป: ไม่ยุบตัวง่าย จึงช่วยให้ผลลัพธ์หลังการผ่าตัดคงอยู่ได้นาน
ความชัดเจน: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงของคางให้ดูคมชัด มีเหลี่ยมมีมุมมากขึ้น
ความทนทาน: สามารถรับแรงกระแทกได้ดี ทำให้ไม่เสียรูปทรงง่าย
ซิลิโคนชนิดนุ่ม (Soft Silicone)
ซิลิโคนชนิดนี้มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถปรับรูปทรงให้เข้ากับใบหน้าได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงของคางให้ดูนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ
คุณสมบัติเด่นของซิลิโคนชนิดนุ่ม
ความนุ่ม: มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถปรับรูปทรงได้ง่ายและเข้ากับรูปหน้าได้ดี
ความปลอดภัย: ผลิตจากวัตถุดิบเกรดทางการแพทย์ จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง
ความคงทน: เมื่อฝังลงในร่างกายแล้วจะคงรูปได้ดี ไม่บิดเบี้ยวหรือเคลื่อนที่
ความเป็นธรรมชาติ: ผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งกระด้าง
ซิลิโคนมีอายุการใช้งานนานแค่ไหน? หากดูแลหลังการผ่าตัดอย่างถูกต้อง ซิลิโคนสามารถอยู่ได้นานหลายปี
โดยทั่วไปแล้ว ซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ที่ใช้ในการเสริมคางนั้น มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก หากได้รับการดูแลหลังการผ่าตัดอย่างถูกต้อง สามารถอยู่ได้ ตลอดชีวิต เลยทีเดียวค่ะ
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของซิลิโคน
คุณภาพของซิลิโคน: ซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะมีความคงทนและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
เทคนิคการผ่าตัด: แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดที่มีความชำนาญ จะสามารถวางตำแหน่งซิลิโคนได้อย่างถูกต้อง ทำให้ซิลิโคนไม่เคลื่อนที่และคงรูปได้นาน
การดูแลหลังการผ่าตัด: การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้แผลหายเร็วและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
เหตุผลที่ซิลิโคนอยู่ได้นาน
ซิลิโคนไม่ถูกดูดซึม: ซิลิโคนเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
ความเสถียรของวัสดุ: ซิลิโคนมีความเสถียรทางเคมี ทำให้ไม่เกิดปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อรอบข้าง
สิ่งที่อาจทำให้ซิลิโคนต้องเปลี่ยน
การติดเชื้อ: หากเกิดการติดเชื้อ อาจจำเป็นต้องนำซิลิโคนออกและทำการรักษา
การเคลื่อนตัวของซิลิโคน: หากซิลิโคนเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่ง อาจทำให้รูปทรงของคางไม่สวยงาม
ความไม่พอใจในผลลัพธ์: หากผู้ป่วยไม่พอใจในผลลัพธ์ที่ได้ อาจต้องการเปลี่ยนขนาดหรือรูปทรงของซิลิโคน
การเลือกซิลิโคนในการเสริมคาง เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการผ่าตัด ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้คำแนะนำที่ถูกต้อง และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล
Comments