
"ปรับโครงหน้า" กลายเป็นคำที่คุ้นหูมากขึ้นในปัจจุบัน หลายคนใฝ่ฝันที่จะมีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบตามแบบที่ตัวเองต้องการ แต่ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปรับโครงหน้าก็ยังคงมีอยู่มากมาย เช่น "การศัลยกรรมจะทำให้หน้าดูแข็งทื่อ", "ผลลัพธ์จะออกมาเหมือนในภาพที่เห็นตามโซเชียลมีเดีย" หรือแม้แต่ "การปรับโครงหน้าเป็นเรื่องของคนรวยเท่านั้น" ความเชื่อเหล่านี้ทำให้หลายคนลังเลใจที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรม
การปรับโครงหน้า คือการผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนรูปร่างของใบหน้าให้มีความสวยงามและสมดุลมากขึ้น อาจรวมถึงการแก้ไขปัญหาโครงหน้าที่ผิดปกติตั้งแต่เกิด เช่น คางสั้น โหนกแก้มสูง หรือการปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ลง การผ่าตัดประเภทนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้การผ่าตัดมีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ในบทความนี้ เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการปรับโครงหน้า อธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด และนำเสนอข้อมูลเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
เทคนิคการปรับโครงหน้าในปัจจุบัน มีความหลากหลายมากขึ้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคลได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการเสริมคาง การตัดกราม การยกกระชับใบหน้า หรือการแก้ไขปัญหาความไม่สมมาตรของใบหน้า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมที่สุดกับสภาพใบหน้าและความต้องการของแต่ละคน เทคโนโลยีที่ใช้ในการผ่าตัดปรับโครงหน้าได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การผ่าตัดมีความแม่นยำมากขึ้น ลดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ 3 มิติมาใช้ในการวางแผนการผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยสามารถเห็นภาพจำลองผลลัพธ์ล่วงหน้าได้
คำถามที่คุณอาจสงสัย:
เทคนิคการปรับโครงหน้าแบบไหนที่เหมาะกับฉัน?
การผ่าตัดปรับโครงหน้ามีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน?
ผลลัพธ์หลังการผ่าตัดจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน?
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดปรับโครงหน้าเป็นอย่างไร?
เทคนิคการปรับโครงหน้าแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ การผ่าตัด ซึ่งเป็นการแก้ไขโครงสร้างใบหน้าโดยตรง และ การไม่ผ่าตัด ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อเสีย และเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกัน
1. การเสริมคาง:
วัตถุประสงค์: ปรับรูปคางให้ดูยาวขึ้น เรียวขึ้น หรือแก้ไขปัญหาคางสั้น คางถอย
วิธีการ: แพทย์จะทำการผ่าตัดเล็กๆ ใต้คางหรือภายในปาก เพื่อใส่ซิลิโคนหรือวัสดุปลูกถ่ายอื่นๆ เข้าไป
วัสดุที่ใช้: ซิลิโคน กระดูกจากร่างกายเอง
ข้อดี: ผลลัพธ์คงทนถาวร
ข้อเสีย: ต้องใช้เวลาพักฟื้น มีรอยแผลเป็น
2. การตัดกราม:
วัตถุประสงค์: ลดขนาดของกรามให้ใบหน้าดูเรียวเล็กขึ้น
วิธีการ: แพทย์จะทำการผ่าตัดทางภายในปาก เพื่อตัดกระดูกส่วนเกินออก และปรับรูปร่างของกราม
ข้อดี: เปลี่ยนรูปหน้าได้อย่างชัดเจน
ข้อเสีย: ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ
3. การยกกระชับใบหน้า:
วัตถุประสงค์: แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และรูปหน้าที่ดูแก่
วิธีการ: มีหลายวิธี เช่น การดึงหน้า การยกกระชับใบหน้าแบบเอนโดสโคป การใช้เทคโนโลยี HIFU
ข้อดี: ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ข้อเสีย: ต้องใช้เวลาพักฟื้น อาจมีรอยแผลเป็น
4. การผ่าตัดเสริมจมูก:
วัตถุประสงค์: ปรับรูปทรงของจมูกให้สวยงามขึ้น
วิธีการ: แพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อปรับโครงสร้างของจมูก โดยอาจใช้กระดูกอ่อนจากตัวเองหรือวัสดุปลูกถ่าย
ข้อดี: เปลี่ยนรูปหน้าได้อย่างชัดเจน
ข้อเสีย: ต้องใช้เวลาพักฟื้น อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ
เทคนิคไม่ผ่าตัด
1. การฉีดฟิลเลอร์:
วัตถุประสงค์: เพิ่มปริมาณให้กับส่วนต่างๆ ของใบหน้า เช่น แก้ม คาง ร่องแก้ม
วิธีการ: ฉีดสารเติมเต็มเข้าไปใต้ผิวหนัง
ข้อดี: ผลลัพธ์เห็นได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อเสีย: ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องทำซ้ำ
2. การฉีดโบท็อก:
วัตถุประสงค์: ลดริ้วรอย ยกกระชับใบหน้า และลดขนาดกล้ามเนื้อ
วิธีการ: ฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินเข้าไปในกล้ามเนื้อ
ข้อดี: ผลลัพธ์เห็นได้ชัดเจน ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อเสีย: ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องทำซ้ำ
3. การร้อยไหม:
วัตถุประสงค์: ยกกระชับผิวหนังและปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
วิธีการ: ร้อยไหมพิเศษเข้าไปใต้ผิวหนัง
ข้อดี: ผลลัพธ์เห็นได้ชัดเจน ไม่ต้องพักฟื้นนาน
ข้อเสีย: ผลลัพธ์ไม่ถาวร
4. การใช้เลเซอร์:
วัตถุประสงค์: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนรอยแดง รอยดำ
วิธีการ: ยิงเลเซอร์ไปยังผิวหนัง
ข้อดี: ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ข้อเสีย: อาจมีอาการระคายเคืองหลังทำ
หมายเหตุ: การเลือกเทคนิคที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข เป้าหมายที่ต้องการ และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
จากบทความนี้ เราได้เรียนรู้ว่า:
เทคนิคการปรับโครงหน้ามีหลากหลาย: ตั้งแต่การผ่าตัด เช่น การเสริมคาง การตัดกราม การยกกระชับใบหน้า ไปจนถึงการรักษาแบบไม่ผ่าตัด เช่น การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อก ร้อยไหม และการใช้เลเซอร์
การเลือกเทคนิคที่เหมาะสม: ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข เป้าหมายที่ต้องการ และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
ความสำคัญของการปรึกษาแพทย์: การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ
การตัดสินใจทำศัลยกรรมเป็นเรื่องสำคัญ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด พิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธี และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นที่พอใจและปลอดภัย
การปรับโครงหน้าไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย
Reference:
Sharma EM, Smith KD. Facial Implants. [Updated 2024 Feb 26]. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2024 Jan
Liu Y, Mao R, Xiao M, Zhu W, Liu Y, Xiao H. Facial Rejuvenation: A Global Trend of Dermatological Procedures in the Last Decade. Plast Reconstr Surg Glob Open. 2024 Jun 4;12(6):e5801
Farber SE, Epps MT, Brown E, Krochonis J, McConville R, Codner MA. A review of nonsurgical facial rejuvenation. Plast Aesthet Res. 2020;7:72.
Lewis, M.B. The interactions between botulinum-toxin-based facial treatments and embodied emotions. Sci Rep 8, 14720 (2018)
Shome D, van der Hulst RRWJ, Kumar V, Booi DI, Mhatre PD. Evolution and Trends of Facial Plastic Surgery and Facial Aesthetic Procedures in India: From Awakening to Revival. Aesthet Surg J Open Forum. 2023 Feb 25;5:ojad022.
Chuang J, Barnes C, Wong BJF. Overview of Facial Plastic Surgery and Current Developments. Surg J (N Y). 2016 Feb 4;2(1):e17-e28.
תגובות